Cute Angel Blowing Horn
ยินดีต้อนรับ

จัดทำโดย หมู่เรียน 150 KU-SEA's9

วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

จัดทำโดย

นิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
 วิชาไทยศึกษา หมู่เรียน 150 

1. น.ส.วรรณนภา ชัดแช้ม รหัสนิสิต 5810851932

2. น.ส.กานติ์ชนิต บูรณ์เจริญ 5810855296
3. น.ส.จุฑาทิพย์ ตลับกลาง รหัสนิสิต 5810855318
4. น.ส.จุฑารัตน์ อัศววัชรินทร์ รหัสนิสิต 5810855326
5. น.ส.นภัสสร นิจโรจน์กุล รหัสนิสิต 5810855415
6. นายเนติธร ตาคำ รหัสนิสิต 5810855423
7. น.ส.เยาวลักษณ์ วาณิชย์กุล รหัสนิสิต 5810855466
8. น.ส.โยษิตา สิงห์คำ รหัสนิสิต 5810855474
9. น.ส.ศุภานันทน์ หาญศรี รหัสนิสิต 5810855539
10. น.ส.สริตา อุยสุย รหัสนิสิต 5810855547
11. น.ส.สุปรียา รัตนเชิดชัย รหัสนิสิต 5810855555

บรรณานุกรม

= กัญญ์วราศิริสมบูรณ์เวช. นางงามไทย : จากใต้อำนาจรัฐสู่การรับใช้นายทุน. แหล่งที่มา  : วารสาร ศิลปะวัฒนธรรม  ฉบับที่ 31 ปีที่ 2553 หน้า 37-39. 
       = หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์. บทความคอลัมน์เสียงสตรี. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.whaf.or.th/?p=644. 29 กันยายน 2550.
       = อังคเรศ  บุญทองล้วน. งานวิจัยกระบวนการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ความงามทางสรีระของผู้หญิงในสังคมไทยศึกษาเฉพาะกรณีการประกวดนางสาวไทย. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.culture.go.th/research/bangkok/37_7.html. 2537.
          _______. ประวัตินางงาม อดีต-ปัจจุบัน. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://pantip.com/topic/13081865. 2555.
_______. ทัศนะคติของผู้ที่เป็นพี่เลี้ยงนางงามและทัศนะคติของรศ.วิทยาลัย. (ออนไลน์). แหล่งที่มา  : http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=beauty-queen&month=08-2008&date=31&group=4&gblog=55. 2551

สรุปผลการศึกษา


         จากการจัดทำโครงงานพบว่า ประวัติของการประกวดนางงามในประเทศไทย มีมาตั้งแต่ในสมัยรัชการที่ 7 เรียกว่า "นางสาวสยาม" รัฐบาลได้จัดขึ้นในงานเฉลิมฉลองรัฐธรรมนูญ ภายในพระราชอุทยานสราญรมย์ ซึ่งเป็นสโมสรคณะราษฎร ในปี พ.ศ.2477 จัดขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น และยังคงสืบทอดมาจนถึงในปัจจุบัน ซึ่งวัตถุประสงค์จะเปลี่ยนไปตามแต่ละยุคสมัย นอกจากนี้ในปัจจุบัน ประเทศไทยยังมีเวทีการประกวดนางงามหลากหลายเวทีอีกด้วย
         ทางด้านการศึกษาทัศนะคตินั้น ทำให้ผู้จัดทำได้ทราบว่าบุคคลภายนอกส่วนหนึ่งนั้นมองนางงามเป็นเพียงแค่ความฉาบฉวย เป็นหนทางลัดแห่งความสำเร็จเท่านั้น และยังมองว่าการศึกษานั้นเป็นหนทางของความสำเร็จที่มั่นคงมากกว่าการประกวดนางงาม แต่ตรงกันข้ามกับทัศนะคติของผู้ที่เกี่ยวข้องกับนางงาม จะมีทัศนะคติที่ดีกับนางงามเนื่องจากได้มีความใกล้ชิด รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของตัวนางงาม และมองการประกวดนางงามนี้เป็นโอกาศที่จะทำให้ชีวิตของผู้เข้าประกวดดีขึ้นกว่าเดิม แต่ในทัศนะคติเกี่ยวกับการประกวดนางงามที่มีความขัดแย้งกันนี้ ก็มีทัศนะคติที่ตรงกันคือ การประกวดนางงามนั้นเป็นหนทางสู่ความสำเร็จ
ด้านทัศนะคติเกี่ยวกับความงามในอุดมคตินั้น ผู้จัดทำได้สืบค้นข้อมูลจากงานวิจัย ปี พ.ศ. 2537 เรื่อง กระบวนการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ความงามทางสรีระของผู้หญิงในสังคมไทยศึกษาเฉพาะกรณีการประกวดนางสาวไทย โดย อาจารย์อังคเรศ บุญทองล้วน ที่กล่าวว่า ภาพลักษณ์ความงามทางสรีระของผู้หญิงในสังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยของการประกวดนางสาวไทย และ ผู้หญิงถูกปลูกฝังเรื่องความงามในเชิงอุดมคติที่ว่า ผู้หญิงที่สวยต้องมีสัดส่วนตามมาตรฐานและสามารถเปิดเผยสรีระของตนเองได้ ทำให้สรุปได้ว่าความงามในอุดมคตินั้นเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย และเวทีการประกวดนางงามนั้นก็มีผลต่อความงามในอุดมคติในสมัยนั้นๆ อีกด้วย เพียงแต่ความงามในอุดมคตินั้นเป็นทัศนะคติที่ไม่มั่นคง ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยและแตกต่างกันตามแต่ละสังคม

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559

การเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ความงามทางสรีระของผู้หญิงในสังคมไทย

ที่มา : http://teen.mthai.com/variety/59927.html
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากระบวนการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ความงามทางสรีระของผู้หญิงในสังคมไทย ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ความงามทางสรีระของผู้หญิงในสังคมไทย และผลที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ความงามของผู้หญิงในสังคมไทย โดยการสัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการประกวดนางสาวไทย ได้แก่ คณะกรรมการตัดสินการประกวดนางสาวไทย ผู้ส่งนางงามเข้าประกวด และนางสาวไทย นอกจากนี้ยังเก็บข้อมูลจากเอกสาร บทความ งานวิจัย และสิ่งพิมพ์อื่นๆ

จากข้อมูลทีได้จากการสัมภาษณ์และวิเคราะห์เอกสาร พบว่า ภาพลักษณ์ความงามทางสรีระของผู้หญิงในสังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยของการประกวดนางสาวไทยยุคแรก (ปี 2477 - 2497) ประกวดนางงามเพื่อความบันเทิงในงานวันฉลองรัฐธรรมนูญ ยุคที่สอง (ปี 2507 - 2515) ประกวดนางงามเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวมีการติดต่อทางการค้ากับต่างประเทศการประกวดนางสาวไทยยุคหลัง (ปี 2527-2537) มีการเปลี่ยนแปลงไปตามการเติบโตทางธุรกิจที่มุ่งเน้นความงามที่ได้มาตรฐานตามอย่างตะวันตก ปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ความงามทางสรีระของผู้หญิงในสังคมไทย ได้แก่

(1)มาตรฐานความงามในการประกวดนางสาวไทย ประกอบด้วย มาตรฐานความงามในการประกวดนางสาวไทยในอดีตและปัจจุบัน การถ่ายทอดกิจกรรมการประกวดนางสาวไทย กิจกรรมทางสังคมของนางสาวไทย การขยายตัวของการประกวดนางงามไปสู่ภูมิภาค

(2)มาตรฐานความงามของสังคมประกอบด้วยการกำหนดความงามโดยบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประกวดนางสาวไทย กลุ่มบุคคลทั่วไป กลุ่มที่กำหนดมาตรฐานการตัดเย็บเสื้อผ้า และปัจจัยอื่น ๆ ได้แก่ การโฆษณาสินค้าทางสื่อมวลชนผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้เกิดการแข่งขันทางธุรกิจที่ใช้ความงามทางเรือนร่างของผู้หญิงเป็นจุดขายสินค้า ผู้หญิงถูกปลูกฝังเรื่องความงามในเชิงอุดมคติที่ว่า ผู้หญิงที่สวยต้องมีสัดส่วนตามมาตรฐานและสามารถเปิดเผยสรีระของตนเองได้ สิ่งเหล่านี้ทำให้สังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงความคิดเรื่องคุณค่าความงามของผู้หญิงในระยะยาวได้

บทสัมภาษณ์ของผู้เข้าประกวด กรรมการ และบุคคลทั่วไป

บทสัมภาษณ์ผู้เข้าประกวด


ผู้เข้าประกวดมิสทีนไทยแลนด์ประจำปี 2013 นางสาว กุลนิดา คุ้มรักษ์

1.ทำไมถึงเลือกที่จะเข้าประกวด อย่างแรกเลยเพราะพี่รักและพี่ก็ชอบ เขาบอกกันว่าคนเราจะทำอะไรได้ดี ก็ต่อเมื่อคนเรารักและต้องชอบในสิ่งนั้น พี่ว่าการที่เราประกวดก็เหมือนการเรียนหนังสือแต่มันเป็นการเรียนหนังสืออีกวิชาหนึ่งที่สอนให้เรารู้จักกล้าแสดงออก รู้จักแก้ไขเฉพาะหน้าและที่สำคัญรู้จักการอยู่ในสังคมให้เป็น เพราะสังคมแต่ละสังคมไม่เหมือนกัน การแสดงออกไม่เหมือนกัน พี่ว่าท้าทายดีค่ะ
2.คำจำกัดความของคำว่า นางงาม”: สำหรับตัวพี่นะ พี่คิดว่านางงามก็เหมือนผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง แต่เขาแค่ไปเป็นตัวแทนทำหน้าที่แทนผู้หญิงทุกๆคน ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนไม่เพียบพร้อมนะและไม่ใช่ผู้หญิงทุกจะเพียบพร้อมเช่นกัน แต่ผู้หญิงแต่ละคนจะแสดงออกแต่ละด้านไม่เหมือนกัน และแสดงกับแต่ละคนไม่เหมือนกันเช่นกัน แต่ถึงยังไงขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงก็ต้องเรียนรู้ที่จะเป็นนางงามทั้งภายนอกและภายในให้ได้ทุกคน
3.ทัศนคติที่มีต่อนางงาม คนส่วนใหญ่ชอบคิดว่านางงามโลกสวย แต่ความจริงแล้วไม่มีใครอยากโลกสวยตลอดเวลาหรอก แต่สิ่งที่นางงามทุกคนต้องโลกสวยเพราะว่า 1.) เขาขึ้นชื่อว่าเป็นนางงาม 2.) เขาได้ไปเป็นตัวแทนของผู้หญิงทุกคน และ3.) เพราะมันคือหน้าที่ของนางงาม ใช่ว่าทุกคนที่เป็นนางงามอยากโลกสวย เขาก็อยากทำตามใจ อยากทำอะไรที่เขาอยากทำ แต่ที่สำคัญคือเขาทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย นี่แหละคือสิ่งสำคัญที่สุด
4.ขั้นตอนการประกวด ขั้นตอนแรกคือ ใจ ลองถามใจเราดูว่าใจเราพร้อมกับทุกๆ อย่างหรือยัง 2.ดูแลตัวเองไม่ว่าจะเข้ารอบไม่เข้ารอบแต่เราควรรู้จักเตรียมพร้อมไว้เสมอ 3.ส่งใบสมัคร และ4.ประกวด ถ้าอายเขินตื่นเต้น ก็คิดซะว่าทำให้เต็มที่ เต็มที่กับการที่เราอุส่าเตรียมพร้อม เดี๋ยวมันก็ผ่านไป
5.เข้าประกวดแล้วเป็นอย่างที่คิดไหม :  ตอบเลยว่า ไม่ บางคนคิดว่าการประกวดจะเพอร์เฟ็คอย่างที่เห็น แต่ความจริงแล้วมันไม่เลย กว่าจะเข้าแต่ละจุด กว่าจะดึงความโดดเด่นของตัวเองออกมา กว่าจะข้ามผ่านอะไรไปได้ มันยากจริง บางคนอาจคิดว่าการประกวดก็คือการแข่งขัน การแย่งชิง สำหรับพี่ พี่คิดว่ามันคือแบบทดสอบแต่ละก้าว ว่าตัวเองพร้อมมากแค่ไหน


ผู้เข้าประกวดมิสทีนไทยแลนด์ประจำปี 2013 นางสาว เมย์วดี วิวัฒน์ทรงชัย

1.ทำไมถึงเลือกที่จะเข้าประกวด ก็คงเพราะว่าอยากหาประสบการณ์ให้กับชีวิต อยากจะได้เจอเพื่อนใหม่ เรียนรู้วัฒนธรรมของจังหวัดอื่นที่เราเขาได้เข้าไปเก็บตัวในการแข่งขัน และการได้อยู่ร่วมกันในสังคมกับคนกลุ่มใหม่ กับคนที่เราไม่เคยได้รู้จักมาก่อน จะทำให้เราปรับตัวเองให้เข้ากับสังคมได้มากขึ้น”
2.คำจำกัดความของคำว่า นางงาม” :คิดว่าขึ้นชื่อด้วยนางงามแล้วก็ต้องงามทั้งภายในและภายนอก ภายนอกคือรูปร่างหน้าตาเป็นปัจจัยหนึ่งของนางงามเลย แต่อีกปัจจัยหนึ่งนั่นก็คือภายใน ทัศนคติติ จิตใจ ความคิดของนางงามจะต้องไม่แพ้ลักษณะภายนอก ต้องสวย ต้องเป็นคนที่มีความคิดดี ทัศนคติดี และจะต้องช่วยเหลือผู้อื่นได้ค่ะ
3.ทัศนคติที่มีต่อนางงาม นางงามจะต้องเป็นคนที่สวยตลอดเวลา ยิ้มสวย มีจิตใจดี แต่อีกอย่างที่ สิ่งที่นางงามต้องทำคือต้องดูแลภาพลักษณ์ของตัวเองให้ดีตลอด จะมีข่าวหรือมีชื่อเสียงไปในทางที่เสียหายไม่ได้ค่ะ
4.ขั้นตอนการประกวด :  ขั้นแรกก็จะประกวดระดับภาค เมื่อเข้ารอบระดับภาคก็จะไปคัดเลือกในระดับประเทศ คัดเลือก 50 คนสุดท้าย เพื่อที่จะประกวดในมิสทีนไทยแลนด์ 2013 ต่อไปค่ะ
5.เข้าประกวดแล้วเป็นอย่างที่คิดไหม ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ทั้งหมดค่ะ ที่คิดไว้คือจะไม่มีเพื่อนแน่เลย เพราะว่าที่เข้าไปแทบจะไม่รู้จักใครสักคน ต่างคนต่างมาจากจังหวัดอื่นทั้งนั้น แต่ว่าก็ต้องมารวมตัว อยู่ด้วยกัน นอนด้วยกัน กินด้วยกัน เลยทำให้จากที่คิดว่าเราต้องมาแข่งขันกันนะ กลายเป็นว่ามันผูกพันช่วงเวลาที่ได้เก็บตัวมันทำให้รู้สึกว่า เอ้ย เขาไม่ใช่คู่แข่งเรานะแต่เขาคือเพื่อนคนหนึ่งเลย ที่เป็นเพื่อนที่ดีคอยดูแลกันคอยช่วยเหลือกันในการประกวดค่ะ เลยทำให้การประกวดในครั้งนั้นเป็นความทรงจำดีๆอย่างหนึ่งเลยค่ะ


ผู้เข้าประกวดมิสทีนไทยแลนด์ประจำปี 2013 นางสาว เบญจวรรณ สุชาติพงศ์

1.ทำไมถึงเลือกที่จะเข้าประกวด :  เพราะอยากหาประสบการณ์ใหม่ๆ
2.คำจำกัดความของคำว่า นางงาม” :นางงามหมายถึงการประกวดหาสาวสวยที่มีความสามารถและฉลาด
3.ทัศนคติที่มีต่อนางงาม ประกวดเพื่อเป็นประสบการณ์ การประกวดนางงามทำให้เรากล้าแสดงออก รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
4.ขั้นตอนการประกวด :  เตรียมการแสดง มีความมั่นใจ ตอบคำถามแบบไตร่ตรองและชัดเจน
5.เข้าประกวดแล้วเป็นอย่างที่คิดไหม :  เป็นอย่างที่คิด คือได้ประสบการณ์ทำให้กล้าแสดงออก


ผู้เข้าประกวด Mizzy Phuket ประจำปี 2013 นางสาว ณัฐณิชย์ อรุณกิจทวีลาภ

1.ทำไมถึงเลือกที่จะเข้าประกวด อยากลองทำอะไรที่ยังไม่เคยทำ เพื่อที่จะได้หาประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น
2.คำจำกัดความของคำว่า นางงาม” ก็ต้องหุ่นดี กล้าพูด กล้าแสดงออก เดินแบบต้องเป๊ะ ทำอะไรก็ต้องมั่นใจทุกอย่าง คือเจออะไรต้องไม่กลัว และพร้อมรับมือได้เสมอภายนอกสวย และภายในก็ต้องสวยเช่นกัน
3.ทัศนคติที่มีต่อนางงาม :  จะต้องเป็นคนที่งามทั้งภายในและภายนอกจริงๆ
4.ขั้นตอนการประกวด :  การรับสมัคร การเก็บตัว ทำกิจกรรมร่วมกันกับเพื่อนๆ ที่ประกวด ซ้อมเต้นเพื่อโชว์ในวันงาน
5.เข้าประกวดแล้วเป็นอย่างที่คิดไหม : ไม่ค่ะ เพราะสังคมในการประกวดมันกว้าง และก็มีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าที่คิดไว้


ผู้เข้าประกวดนางนพมาศประจำปี 2014 นางสาว สุดารัตน์ แสงศิวะฤกษ์

1.ทำไมถึงเลือกที่จะเข้าประกวดอยากทำกิจกรรมของมหาลัยสักครั้งหนึ่งในชีวิตบวกกับการมีรุ่นพี่มาชักชวนด้วย
2.คำจำกัดความของคำว่า นางงาม” : นางงามคือไม่ใช่แค่หน้าตาสวยแต่จะต้องมีความสามารถด้วย
3.ทัศนคติที่มีต่อนางงาม คิดว่าถ้าจะเป็นนางงามได้ก็จะต้องเป็นคนที่มีไหวพริบตอบคำถามได้ดีมีความสามารถพิเศษ และเป็นคนดีแม้จะไม่ใช่ตัวตนของเราทั้งหมดก็ตามเพราะว่าพอเราขึ้นไปประกวดบนเวทีมันแน่นอนมันก็ไม่ใช่ตัวเราอยู่แล้วเราต้องทำให้มันเป็นอีกคนหนึ่งให้มันดูเหมือนว่าเป็นคนดีเป็นคนดีของสังคมทั้งที่ตัวเราอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ได้ซึ่งตัวเราเองก็เป็น
4.ขั้นตอนการประกวดช่วงแรกจะเป็นช่วงเก็บตัวประมาณเกือบ 10 วันได้เขาจะให้ละลายพฤติกรรมโดยการเอาทุกคนที่ประกวดมาจับกลุ่มเล่นเกมส์เพื่อให้เรารู้ว่าใครชื่ออะไรเป็นไงและก็จะมีสอนเดินสอนจับจังหวะสอนไหว้สอนพูดและพอวันท้ายๆก็มีจะพวกนางแบบมาสอนให้ดูให้อีกทีก่อนที่จะขึ้นประกวด
5.เข้าประกวดแล้วเป็นอย่างที่คิดไหม จริงๆก็ไม่ค่อยกลัวการประกวดสักเท่าไรแต่มาเครียดเอาตอนแต่งหน้านี้แหล่ะเพราะแต่งออกมาทำให้รู้สึกขัดใจมากมันหนามาก  แล้วก็ไม่ค่อยโอเคกับเรื่องแต่งหน้าสักเท่าไหร่

 
บทสัมภาษณ์บุคคลทั่วไป

1.ทัศนคติที่มีต่อผู้เข้าประกวดนางงามและถ้าหากมีบุตรหลานจะส่งเข้าประกวดหรือไม่ มีทัศนคติไปในทางที่ดีใครๆก็ประกวดกันถ้ามีลูกหลานไปประกวดก็จะส่งเสริมและไม่ห้ามอะไรเลยค่ะ
2.จากมุมมองภายนอกยังมีความคิดเกี่ยวกับเรื่องชู้สาวการล็อคตำแหน่งอยู่หรือไม่ ไม่คิดว่ามีการล็อคตำแหน่งค่ะเพราะคิดว่าการประกวดคงเป็นไปแบบยุติธรรมมากกว่าค่ะ
3.ถ้าให้ตัวเองไปประกวดจะไปประกวดหรือไม่ คิดว่าไม่เพราะไม่ได้สวยขนาดนั้นแต่ถ้าสวยขึ้นมาก็อาจจะลองไปประกวดดูเผื่อจะมีโอกาสฟลุคชนะได้รับเงินรางวัลค่ะ” 
ผู้ให้สัมภาษณ์นางสาว กัญญาพรศรีศิลปะกิจ

1.ทัศนคติที่มีต่อผู้เข้าประกวดนางงามและถ้าหากมีบุตรหลานจะส่งเข้าประกวดหรือไม่ ถือเป็นการแสดงออกที่ดีในการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยถ้ามีลูกหลานไปประกวดก็จะสนับสนุนค่ะ
2.จากมุมมองภายนอกยังมีความคิดเกี่ยวกับเรื่องชู้สาวการล็อคตำแหน่งอยู่หรือไม่ ไม่มีความเห็นในส่วนนั้นเพราะไม่รู้จริงๆค่ะ
3.ถ้าให้ตัวเองไปประกวดจะไปประกวดหรือไม่ :  ไม่เพราะชอบชีวิตที่เรียบง่ายไม่ต้องการเป็นที่สนใจของคนอื่น
ผู้ให้สัมภาษณ์นาง ชฏารัตน์บูรณ์เจริญ

1.ทัศนคติที่มีต่อผู้เข้าประกวดนางงามและถ้าหากมีบุตรหลานจะส่งเข้าประกวดหรือไม่ คนที่ประกวดนางงามต้องเป็นคนที่มีความมั่นใจในตนเองและมีความสามารถถ้าหากมีลูกเข้าไปประกวดก็จะสนับสนุน เพราะถือว่าเป็นประสบการณ์อีกอย่างหนึ่งของลูก
2.จากมุมมองภายนอกยังมีความคิดเกี่ยวกับเรื่องชู้สาวการล็อคตำแหน่งอยู่หรือไม่ จากมุมมองของคนภายนอกยังมองว่ามีการล๊อคตำแหน่งในกับนางงามที่ใช้เส้นสายในการประกวดส่วนเรื่องชู้สาวนั้นไม่ขอแสดงความคิดเห็นเพราะมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว
3.ถ้าให้ตัวเองไปประกวดจะไปประกวดหรือไม่ ไม่เพราะไม่มีความมั่นใจในตนเองและยังสนในเรื่องการประกวดไม่มากพอ” 
ผู้ให้สัมภาษณ์นาง อัจฉราวัฒนอุดมสุข

1.ทัศนคติที่มีต่อผู้เข้าประกวดนางงามและถ้าหากมีบุตรหลานจะส่งเข้าประกวดหรือไม่ ถ้าเขาอยากประกวดก็จะส่งและสนับสนุนไม่ใช่อยู่ๆไปส่งโดยไม่ถามความสมัครใจค่ะ
2.จากมุมมองภายนอกยังมีความคิดเกี่ยวกับเรื่องชู้สาวการล็อคตำแหน่งอยู่หรือไม่ คิดว่ามันก็น่าจะมีนิดหนึ่งซึ่งก็ต้องมีบ้างจะบริสุทธิ์เสมอไปก็คงจะไม่ใช่ค่ะ
3.ถ้าให้ตัวเองไปประกวดจะไปประกวดหรือไม่ ไม่ไปประกวดค่ะเพราะรู้สึกว่าไม่ใช่แนวตัวเองคงจะต้องมีการแอบเสแสร้งนิดหนึ่งเช่นคอยสวัสดีค่ะตลอด
ผู้ให้สัมภาษณ์ นางสาว ปทิตตาเรียกศิริ

บทสัมภาษณ์ผู้จัดการประกวด

1.ใช้เกณฑ์อะไรในการตัดสิน การประกวดรอบแรกอาจจะเป็นการให้คะแนนของรูปร่างหน้าตา 30 คะแนนการแต่งกายถูกต้องตามหลักเกณฑ์ 25 คะแนน บุคลิกภาพ 25 คะแนนแล้วการเดินบนเวที ความสง่างาม อีก 20 คะแนนส่วนในรอบตัดสินจะให้คะแนนจากการสัมภาษณ์ คือคะแนนไหวพริบปฏิภาณการตอบคำถามตรงประเด็น
2.หากใช้เงินซื้อตำแหน่งผู้ชนะในการประกวด จะยอมทำหรือไม่ ไม่น่าจะมี เพราะถ้ามีการล็อคตำแหน่ง อาจส่งผลอื้อฉาวได้ และจะต้องมีคนไม่ยอม มีคนประท้วง ซึ่งตัวผู้จัดก็จะพลอยเสียชื่อเสียง เสียเครดิตด้านความน่าเชื่อถือไปด้วย
3.ทำไมการประกวดตัดสินผู้ชนะ ถึงไม่ใช้เกณฑ์การตัดสินจากคณะกรรมการเพียงอย่างเดียว ทำไมจึงต้องมีการโหวตหรือซื้อลูกโปร่งให้คะแนน สาเหตุที่บางเหตุมีการขายลูกโป่งเพราะอาจมีการหารายได้ให้กับผู้จัดการประกวดและก็เพื่อเพิ่มสีสันให้กับงานซึ่งก็เช่นเดียวกันกับการโหวตให้คะแนน
กรรมการการประปวดผู้ให้สัมภาษณ์ นาง นงลักษณ์ อุยสุย